Blog

25 วิธีเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิมได้อย่างยั่งยืน

หลายคนคงตั้งเป้าหมายเพื่อให้ตัวเองอยู่ในเวอร์ชันที่ดีขึ้น แต่ทว่าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงตัวเอง หลายคนอาจทำได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง เกิดอาการไม่สำเร็จจนท้อใจมีที่มาจากอะไรกันแน่ หนึ่งในคำตอบนั้นคือ สมองของเรานี่แหละเป็นตัวการที่ขัดขวางเราจากความสำเร็จ สงสัยใช่ไหมว่าเพราะอะไร เรามีคำตอบค่ะ 

มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “เทคนิคหลอกสมองให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่” ของคุณมาซาชิ โยชิอิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ได้อธิบายเหตุผลที่ทำไมสมองถึงกลายเป็นตัวตึงที่ไม่อำนวยให้เราทำอะไรสำเร็จสักที หนังสือเล่มนี้จะช่วยเผยเคล็ดลับให้เราสามารถจับจุดอ่อนของสมองและสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อให้เราสามารถทำสิ่งดี ๆ ที่ตั้งใจได้อย่างง่ายดายและพัฒนามาเป็นกิจวัตรถาวรของเราได้ มาดูสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากหนังสือเล่มนี้  

1. กิจวัตร = ความสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ครั้งคราว 

กิจวัตรคืออะไร พฤติกรรมที่เราลงมือทำโดยธรรมชาติแต่กิจวัตรเหล่านี้แหละที่ส่งผลต่อชีวิตของเราแทบจะ 100 % ขั้นตอนของกิจวัตรเกิดจากการลงมือทำ เพราะเราบอกตัวเองว่าต้องทำ แต่ทำมาเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ครั้งจนฝังอยู่ใต้จิตสำนึกไปแล้วจนทำได้โดยไม่ต้องคิดนั่นเอง  

2. กิจวัตรเล็ก ๆ คือ หัวใจของการเปลี่ยนชีวิต 

ในโลกของประสาทวิทยามีคำว่า ‘พลังมหัศจรรย์ของการทำอย่างต่อเนื่อง’ ในโลกของการพัฒนาตัวเอง ไม่มีการลงทุนใดคุ้มค่าไปกว่าการทำบางสิ่งอย่างสม่ำเสมอ แค่ต้องทำทีละเล็กละน้อยจะค่อย ๆ สะสมพลังหรือความสามารถนั้นไปจนถึงจุดที่เหมาะสมก็จะกลายเป็นจุดสำคัญที่เปลี่ยนไปในชีวิต 

3. ชีวิตธรรมดาและชีวิตที่ยอดเยี่ยมแตกต่างกันที่กิจวัตร  

คนที่ประสบความสำเร็จมักมีกิจวัตรที่ส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จ นอกจากนั้นแล้วกิจวัตรยังสำคัญมากและมีผลต่อความสุข ความสัมพันธ์ และความสำเร็จในอนาคตของเรา ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไรก็พยากรณ์ได้จากกิจวัตรของเราในวันนี้ 

4. เราในวันนี้เกิดจากกิจวัตรในอดีต 

ใครสร้างตัวเรา ก็เรานี่แหละ คำพูด การกระทำ ความคิด ทีละเล็กละน้อยประกอบมาจนเป็นเราในตอนนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันเราทุกคนมีอำนาจในการกำหนดทิศทางชีวิตของตัวเองได้ดีขึ้น โดยเปิดใจยอมรับ เปลี่ยนทัศนคติเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิด ความเข้าใจตัวเอง และเมื่อวิธีคิดเปลี่ยน ชีวิตก็จะเปลี่ยนด้วย 

5. พรสวรรค์ไม่ได้กำหนดชีวิตแต่กิจวัตรต่างหาก 

ตอนเด็กเราอาจจะพบว่า มีคนที่เรียนเก่งและเรียนไม่เก่ง แต่เด็กที่เรียนเก่งเกิดจากการกิจวัตรที่มีต่อการเรียนในแต่ละวันต่างหาก เพราะเขาตั้งใจที่จะเรียน ทำความเข้าใจ ลงมือทำการบ้าน และอ่านหนังสือจนเกิดผลลัพธ์ของการเรียนดีนั่นเอง เป็นการรักษาระดับความสม่ำเสมอของการลงมือทำ 

6. เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้แต่เปลี่ยนอนาคตที่อยากมีได้ 

อย่าประเมินกิจวัตรต่ำเกินไป เพราะมันคือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ทุกวันที่เราตื่นมาคือโอกาสที่เราจะได้เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง 

7. ทำไมอายุมากขึ้นจึงมีกิจวัตรแตกต่างกันไป 

นั่นเพราะสิ่งที่ปลูกฝังเราทั้งสิ่งที่เราได้ยินหรือเรียนรู้มา สามารถส่งผลต่อเราให้เป็นแบบนี้ เหนือสิ่งอื่นใด คำพูดที่เราบอกตัวเองมีพลังและส่งผลได้มากกว่า ฉะนั้นเราจึงควรเลือกถ้อยคำเชิงบวกและสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง เพราะวิธีที่เราพูดกับตัวเองจะกำหนดความจริงของเรา  

8. คำพูดของเราส่งผลต่อเราอย่างไม่น่าเชื่อ 

สมองของเราไม่สามารถแยกได้ว่า ความคิดลบต่อตัวเองเป็นจริงหรือไม่ แต่การป้อนความคิดลบให้กับตัวเองนั้นส่งผลมาก เราจึงควรใช้คำพูดกับตัวเองอย่างระมัดระวัง ควรใช้คำพูดที่จะยกระดับชีวิตให้คุณมีความสุขมากขึ้น ประสบความสำเร็จมากขึ้น 

9. จงปลูกฝังสิ่งใหม่ ๆ ลงในสมองของเรา 

สิ่งที่เราป้อนสู่สมองตัวเอง จะกลายมาเป็นผลลัพธ์ในชีวิตของเรา อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ป้อนแต่ข้อมูลที่ดี ทำได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย 

10. สร้างมายาหลอกสมองสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง 

บอกตัวเองไปเลยว่า ‘เรามันเป็นนักสู้อิหญิง!’ การคิดซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ สมองจะหลงเชื่อไปตามนั้นจริง ๆ คุณสามารถเข้าสู่การหลอกเพื่อเปลี่ยนตัวเอง สวมบทบาทเป็นสิ่งนั้นแล้วสมองจะน้อมรับ จนปรับเปลี่ยนให้ชีวิตเราคล้องจองไปกับสิ่งที่เราคิดซ้ำ ๆ ได้จริง ๆ  

11. ทำไมทำอะไรได้ไม่ต่อเนื่อง 

โดยธรรมชาติสมองจะหลีกเลี่ยงเรื่องที่ไม่สนุก แต่เราเปลี่ยนการรับรู้ เปลี่ยนท่าที เปลี่ยนวิธีในการทำให้มันสนุกและน่าตื่นเต้นมากขึ้นได้ แล้วสมองจะอนุญาตให้เราทำสิ่งนั้นได้ เพราะสมองชอบให้เราทำอะไรที่สนุกและมีความสุขนั่นเอง 

12. ทำไมเลิกทำเรื่องแย่ ๆ ยากจัง 

ถ้าอยากลดน้ำหนักก็ลดการกระตุ้นสิ่งที่ทำให้เราอยากกิน จงทำให้มันหายไป ทำให้เรามีโอกาสคิดถึงมันน้อยที่สุด จะช่วยคุณได้มาก แล้วการเลิกทำสิ่งแย่ ๆ จะตามมาเอง 

13. เริ่มต้นเปลี่ยนด้วยกิจวัตรเล็ก ๆ  

การเริ่มต้นทำเรื่องที่อยากทำเพียงทีละเล็กละน้อย มันคือการรักษาสัญญาต่อตัวเองที่ทำให้เรามั่นใจ มีพลัง มีแรงจูงใจ สร้างผลกระทบโดยรวมต่อชีวิตของเราได้ ค่อย ๆ ทำไปแล้วคุณจะไม่มีวันล้มเลิก  

14. ลงมือทำก่อน 

เวลาที่เราคิดว่าต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ได้สำเร็จ อาจทำให้สมองต่อต้าน แต่ให้ลงมือทำเลย อย่าจำกัดการเริ่มต้นเพื่อล้มเลิก แต่จงเริ่มต้นเพื่อให้สามารถทำต่อไปได้ 

15. สมองแยกแยะเรื่องจริงไม่ได้ ใช้โอกาสตรงนี้หลอกสมองเสีย! 

สร้างกิจวัตรด้วยการตั้งคำถามเชิงบวกก็ช่วยได้นะ ทุกคำถามที่ป้อนหากเป็นเชิงบวกก็จะได้คำตอบเชิงบวก สิ่งนี้ส่งผลมาก ฉะนั้นควรตั้งคำถามเพื่อให้เกิดพลังบวกและสร้างสรรค์ เช่น ฉันจะเริ่มงานนี้ได้อย่างไร อ้อ เปิดคอมพิวเตอร์แล้วเปิดไฟล์งานไง! ลุยเลยเรา! 

16. ลดระดับความยาก 

ความยากความง่ายสำคัญมากนะ การทำได้จริงสำคัญกว่าความสมบูรณ์แบบ มนุษย์จริง ๆ แล้วอ่อนแอ ฉะนั้นหล่อเลี้ยงหัวใจของมนุษย์คนนี้ (ตัวเราเอง) ด้วยการทำอะไรที่ง่าย เพื่อจะให้เขาทำได้ยาวนานต่อเนื่องขึ้น 

17. ถ้าเราสนุกกับสิ่งที่ทำ เราจะทำได้อย่างต่อเนื่อง 

เรื่องใด ๆ เปลี่ยนเป็นเรื่องของการเล่นเกมแทน ความสำเร็จทีละเล็กละน้อย จะกลายเป็นเป้าหมายที่เราอยากจะทำ 

18. รักษาความมุ่งมั่นและแรงจูงใจ 

เราต้องหาตัวช่วย เช่น หาเพื่อนที่ต้องการทำสิ่งนั้น ๆ เหมือนกัน ที่ร่วมพูดคุยแชร์ความรู้สึกบวกให้กันและกันได้ หรือหาคนที่ห่วงใย คอยถามไถ่ถึงเป้าหมายเรา จุดอ่อนของเราทุกคนอยู่ตรงนี้ ตรงที่เราก็ไม่อยากให้ใครมองเราอย่างผิดหวังนั่นเอง 

19. เราเอาชนะการล้มเลิกได้ 

วาดภาพตัวเราเองให้ชัดเจน เช่น อยากลดน้ำหนักแล้ว เราจะเป็นอย่างไร คิดภาพให้ออกมาเป็นรูปธรรมจะสร้างพลังในการลงมือทำ เมื่อเรามีภาพ ดื่มด่ำกับความสุขความสำเร็จนั้น และมีความต้องการมาก ๆ สิ่งนี้เองจะกลายมาเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้เราลงมือทำได้จนสำเร็จ 

20. เคลียร์ทุกสิ่งก่อนนอน 

เคลียร์ที่ว่านี้คือ การปล่อยวางอารมณ์ด้านลบก่อนนอน เพื่อเข้าสู่เช้าวันใหม่อย่างสดชื่นแจ่มใส เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ควรทำ ให้คุณใคร่ครวญหรือเขียน 3 สิ่งนี้ออกมา 1. เรื่อง ๆ ดี ในวันนี้ 2. เรื่องที่ควรปรับปรุง 3. วิธีรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ฝึกการคิดถึงสิ่งที่ดีและการรับมือต่อสิ่งที่เรากำลังกังวล อย่านอนหลับไปกับเรื่องแย่ ๆ แต่ควรนอนหลับอย่างสบายใจและตื่นมาอย่างไร้กังวลในทุก ๆ เช้า เพราะเช้าที่ดีจะนำไปสู่วันที่ดีของคุณ 

21. ทำให้คนอื่นมีความสุข 

มนุษย์จะพยายามได้มากขึ้นเมื่อตั้งเป้าหมายเพื่อคนอื่นมีอานุภาพรุนแรงมากกว่าการทำให้ตัวเอง หากเราเจอเป้าหมายเช่นนี้ เรามักจะไม่ยอมแพ้กลางทาง อยากทำสิ่งนั้นให้ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถช่วยให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดได้อีกทางหนึ่งด้วย 

22. เอาชนะข้อแก้ตัว 

เขียนข้อแก้ตัวทั้งหมดที่เรามี วางรายการนั้นไว้ในที่ที่เรามองเห็นมันตลอด การเห็นข้อแก้ตัวของตัวเองและคิดถึงมันบ่อย ๆ จะทำให้เราอยากเอาชนะข้ออ้างเหล่านั้นเสียที ในที่สุดคุณจะมีข้ออ้างน้อยลงไปเรื่อย ๆ แล้วคุณจะได้เรียนรู้ว่า ชีวิตที่ไม่มีข้อแก้ตัวจะเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ 

23. กำหนดเวลาตื่นเช้า 

กำหนดเวลาที่ชัดที่สุดเพื่อตื่นเช้ารวมถึงกำหนดเวลาเข้านอน เพื่อให้คำมั่นสัญญาวันนี้และพรุ่งนี้กับตัวเองแล้วลงมือทำ ให้ทำทันที เพราะเวลามีค่ามาก ๆ  

24. สร้างนิสัยด้วยการสัญญา 

อยากอ่านหนังสือให้ได้ทุกวันก็สร้างคำสัญญาที่เป็นเชิงบวกและทำได้แทน เช่น อย่างน้อยฉันจะเปิดหนังสือให้ได้ทุกวัน พอเปิดก็จะได้อ่าน จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ แต่เกิดการอ่าน วิธีนี้เราจะไม่รู้สึกฝืนมากจนเกินไปและช่วยให้เราไม่รู้สึกแย่กับการเริ่มต้นอีกด้วย 

25. รู้ว่าเราทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร 

การรู้เหตุผลว่าเราทำไปเพื่ออะไรจะช่วยให้เราลงมือทำได้อย่างหนักแน่น จงค้นหาแรงจูงใจและเป้าหมายที่ทรงพลังจนคุณไม่อาจละเลยสิ่งนั้นได้ เช่น เซลส์คนหนึ่งได้คำตอบว่า ทำไมเขาต้องโทรหาลูกค้าอย่างน้อย 10 คนต่อวันให้ได้แม้จะถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นเพราะเขาต้องการเลี้ยงดูครอบครัวที่เขารักให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ฉะนั้นคอยถามตัวเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นเป้าหมายสร้างพลังของการลงมือทำของเรา 

เป็นยังไงบ้างคะ ทั้งเหตุผลและขั้นตอนที่จะช่วยให้เราปรับมุมมองและการรับรู้ของสมองได้ อย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้รู้ว่า ที่เราทำไม่สำเร็จ เพราะเรายังไม่รู้วิธีหลอกสมองให้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ นั้นได้นั่นเอง ฟังอย่างนี้ค่อยรู้สึกสบายใจมาบ้างไม่มากก็น้อยใช่มั้ยคะ สำหรับปีหน้าเรามีวิธีการรับมือกับเรื่องนี้แล้ว การเป็น The Better Me ก็คงจะไม่ยากอีกต่อไปใช่มั้ยล่ะคะ เอาล่ะ ใครจะนำวิธีเหล่านี้ไปใช้หากได้ผลที่น่าพึงพอใจก็อย่าลืมแบ่งปันเคล็ดลับนี้ให้คนอื่น ๆ ด้วยนะคะ